1.ให้ผู้สูงอายุล้างมือ หรือล้างมือให้ผู้สูงอายุด้วยสบู่นาน 20 วินาที
(ชวนร้องเพลง แฮบปี้เบิร์ดเดย์ 2 รอบก่อนล้างน้ำสะอาด)
หากไม่สะดวกล้างมือด้วยสบู่ สามารถใช้เจลล้างมือ หรือ แอลกอฮอล์ได้
2.หลีกเลี่ยงการสัมผัสมือกับผู้สูงอายุ และไม่ให้ผู้สูงอายุไปสัมผัสมือ และร่างกายของคนอื่น
3.ไม่พา หรือปล่อยให้ผู้สูงอายุไปรวมกลุ่ม ร่วมกิจกรรม หรือไปที่สาธารณะที่มีคนอยู่รวมกันเยอะๆ
4.ทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ที่ผู้สูงอายุสัมผัสบ่อยๆ ทุกวัน (อาจจะวันละมากกว่า 1 ครั้ง)
5.หลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้สูงอายุใช้บริการขนส่งสาธารณะ เช่น รถเมล์ รถไฟฟ้า เป็นต้น
6.งดกิจก ร ร มการเดินทางร่วมกับคนกลุ่มใหญ่
7.หลีกเลี่ยงการพบปะกับคนอื่นๆ หรือญาติต่างๆ ที่กำลังป่วย
8.หากจำเป็นต้องออกไปข้างนอก เช่น ไปซื้อของ เลือกไปที่ที่มีคนน้อยกว่า เช่น
เลือกไปซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ มากกว่าไปห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงการพบปะกับคนจำนวนมากให้ได้มากที่สุด
9.หากมีโรคประจำตัวที่ต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเป็นประจำ
ลองสอบถามแพทย์ประจำตัวดูว่ามีความจำเป็นต้องไปหรือไม่ สามารถพูดคุยปรึกษาผ่านวิดีโอคอลได้หรือไม่
หรือแม้กระทั่งการสั่งจ่ายยาออนไลน์โดยส่งยามาให้ที่บ้าน หรือให้ผู้ป่วยรับยาได้เองที่ร้านขายยาใกล้บ้าน
เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางไปโรงพยาบาล รวมถึงสอบถามแพทย์ด้วยว่า
สามารถซื้อยามาเก็บตุนไว้โดยไม่ต้องออกไปซื้อย าบ่อยๆ เหมือนเดิมได้หรือไม่
10.ระมัดระวังในการปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่คนเดียวด้วย แม้ว่าจะปลอดภัย
แต่อาจส่งผลต่อสุขภาพจิตได้ คนในครอบครัวยังต้องดูแลเอาใจใส่ พูดคุย
หรือใครที่อยู่ห่างไกลจากผู้สูงอายุที่เป็นญาติผู้ใหญ่ยังควรโทรหา หรือวิดีโอคอลถามสารทุกข์สุกดิบบ้าง
11.เตือนให้ผู้สูงอายุอย่าลืมทำกิจก ร ร มเดิมๆ ที่เคยทำแม้ว่าจะอยู่คนเดียว หรือไม่ได้เจอเพื่อน
เช่น หากเคยทำอาหาร รดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน หรือทำกายบริหารเบาๆ ก็ควรยังทำอยู่ต่อไป อย่ าขาด
12.หากมีอาการผิดปกติในร่างกาย เช่น มีไข้ น้ำมูกไหล ไอ จาม เจ็บคอ หายใจเหนื่อยหอบ
ควรรีบติดต่อลูกหลานทันที โดยลูกหลานอาจตั้งเบอร์โทรด่วน (เช่น กด 1 ค้าง)
แล้วโทรเข้าเบอร์ลูกหลานทันทีเอาไว้ในกรณีฉุกเฉินด้วย
ที่มา : posttoday


