ทุกวันนี้ผู้คนมีชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้น ความรู้และเทคโนโลยีนานาชนิดทำให้เราสามารถหลีกเลี่ยงความทุกข์ได้มากมาย
ร้อนก็เปิดแอร์ อาบน้ำก็ไม่ต้องกลัวหนาวเพราะมีเครื่องทำน้ำอุ่น ไปไหนมาไหนก็ไม่เหนื่อยเพราะมีรถยนต์และเครื่องบิน ฯลฯ
แต่ถึงแม้จะมีความสามารถในการพาตัวให้ไกลจากความทุกข์ได้มากมายเพียงใด ความจริงอย่ างหนึ่งที่ต้องยอมรับก็คือ
มีความทุกข์หลายอย่ างที่เราไม่อาจหนีพ้นได้
ร่ำรวยเพียงใดก็ยังต้องเจอกับความพลัดพรากสูญเสียยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ต้องพบกับความไม่สมหวัง เก่งเพียงใดก็ต้องประสบกับความล้มเหลว ที่แน่ ๆ
ก็คือ ไม่มีใครหนีพ้นความแก่ชรา ความเจ็บ ป่ ว ย และความต า ย ไปได้
คนเป็นอันมากเมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นกับตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญ ตี โ พ ย ตี พ า ย หรือ วิ ต ก กังวล
จน เ ค รี ย ดหนัก หรือถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ กลายเป็นการเอาความทุกข์มาซ้ำเติมตนเองให้หนักกว่าเดิม
แทนที่จะเสียแต่เงิน ใจก็พลอยเสียไปด้วย แทนที่จะ ป่ ว ยกายอย่ างเดียว ใจก็ ป่ ว ยด้วย พูดอีกอย่ าง
แทนที่จะเจอธนูดอกเดียวกลับเจอถึงสองดอก ธนูดอกแรกนั้นอาจมาจากคนอื่นหรือสิ่งนอกตัว แต่ธนูดอกที่สองนั้นเกิดจากน้ำมือของเราเอง
ร้ า ยกว่านั้นก็คือ ธนูดอกที่สองมักก่อความทุกข์ที่รุนแรงหนักหนากว่าธนูดอกแรกเสียอีก
หญิงสูงวัยผู้หนึ่งไปหา ห ม อ ครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่รู้ว่าตนเองเป็น โ ร ค อะไร วันหนึ่ง ห ม อ ก็เรียกเธอไปพบแล้วบอกว่า
“ป้าเป็น ม ะ เ ร็ ง ตั บนะ อยู่ได้ไม่เกินสามเดือน” เธอตกใจมาก นับแต่นั้นมาก็เศร้าซึมหมดอาลัยต า ย อย าก
ไม่พูดไม่คุยกับใคร ผ่านไปได้แค่ 12 วัน เธอก็เ สี ย ชี วิ ต ก้อน ม ะ เ ร็ งนั้นแม้จะ บั่ น ท อ น ร่างกายของเธอ
แต่ก็ไม่ ร้ า ยแรงเท่ากับใจที่ตื่นตระหนก และ วิ ต ก กังวล นั่นเป็นเพราะเธอไม่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น
แต่พย าย ามปฏิเสธต่อต้านตลอดเวลา ใจที่ดิ้นรนขั ด ขื น นั้นสามารถตั ด ร อ น ชีวิตของเธอได้เร็วยิ่งกว่าก้อน ม ะ เ ร็ งเสียอีก
จะว่าไปแล้ว ความทุกข์ของคนสมัยนี้ส่วนใหญ่แล้วเกิดจากใจที่ปฏิเสธต่อต้านความจริงที่เกิดขึ้นยิ่งกว่าอะไรอื่น
ดังนั้นแม้แต่เหตุการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น รถติด ก็ทำให้ผู้คนขึ้งเคียดหงุดหงิดอย่ างหนักทั้ง ๆ ที่ เ ค รี ย ด
หรือกังวลเท่าใดก็ไม่ช่วยให้รถเคลื่อนได้เร็วขึ้น มีแต่จะทำให้เป็นทุกข์มากขึ้น
อะไรเกิดขึ้นกับเราก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าเรารู้สึกกับมันอย่ างไร
มีสิ่ง ร้ า ยเกิดขึ้นกับเราก็ไม่ทำให้เราทุกข์มากเท่ากับใจที่ปฏิเสธต่อต้านสิ่งนั้น
พูดอีกอย่ าง ยิ่งเราปฏิเสธต่อต้านสิ่งใด
ความทุกข์ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเจอสิ่งนั้น ก า ร วิ จั ยพบว่า คนที่กลัว เ ข็ ม ฉี ด ย า นั้น เมื่อถูก เ ข็ ม แ ท ง จะรู้สึก ป ว ดมากกว่า
คนที่วางเฉยต่อ เ ข็ มนั้นถึงสามเท่า คงไม่ผิดหากจะกล่าวว่าใจที่ปฏิเสธต่อต้านความทุกข์ย่อมทำให้ความทุกข์นั้นทบทวีหรือตรีคูณ
ในทางตรงข้าม ทันทีที่เราหยุดต่อต้านขั ด ขื น ยอมรับเหตุ ร้ า ยที่เกิดขึ้น ความทุกข์จะลดลงไปมาก คนที่ยอมรับความจริงได้ว่าตนเองเป็น ม ะ เ ร็ ง
ไม่ต่อต้านขั ด ขื น หรือคร่ำครวญ ตี โ พ ย ตี พ า ย อีกต่อไป
จะพบว่ามีแต่กายเท่านั้นที่ทุกข์ แต่ใจไม่ทุกข์ด้วย เป็นธรรมดาของคนเราเมื่อเจอ ภั ย คุ ก ค า มหรือสิ่งที่ไม่ชอบ
ย่อมมีปฏิกิริย าในทางใดทางหนึ่งเสมอ คือถ้าไม่หนีก็ต่อสู้ แม้ตัวจะหนีไม่พ้น
แต่ใจก็ยังดิ้นรนขั ด ขื น หรือต่อสู้ ซึ่งก็ยิ่งทำให้เป็นทุกข์มากขึ้น แต่หากเรามีสติรู้ทันใจที่ดิ้นรนขั ด ขื น มันก็จะค่อย ๆ
สงบลงไม่ว่าการดิ้นรนขั ด ขื น นั้นจะแสดงออกมาในรูปของความกลัว ความ วิ ต ก กังวล ความโกรธแค้น ความน้อยเนื้อต่ำใจ
ก็สามารถสงบลงได้เมื่อมีสติหรือรู้ตัว ในทางตรงข้าม การกดข่มหรือพย าย ามกำจัดมันกลับทำให้มันดำรงคงอยู่ต่อไป
แม้ดูเหมือนจะหายไป แต่แท้จริงมันกลับหลบซ่อน และพร้อมจะปรากฏตัวอีกด้วยอาการที่รุนแรงกว่าเดิม
หากมีอะไรมากระทบหรือสะกิดใจเรา จะว่าไปก็คงไม่ต่างจากการเกาให้หายคันเวลาถูก ยุ ง กั ด หรือเป็น ล ม พิ ษ
แทนที่ความคันจะหายไป มันกลับเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกาหนักขึ้น กลายเป็นว่ายิ่งเกาก็ยิ่งคัน การอยู่เฉย ๆ รับรู้ความคันที่เกิดขึ้นกับกาย
และรู้ทันใจที่ดิ้นรนกระสับกระส่าย กลับช่วยให้ความทุกข์ทุเลาเบาบางลง
การยอมรับความจริงมิได้หมายถึงการยอมจำนนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ที่จริงแล้วมันกลับช่วยให้เราสามารถรับมือกับเหตุ ร้ า ยได้ดีขึ้น
คนที่ยอมรับความเจ็บ ป่ ว ยได้ นอกจากใจจะทุกข์น้อยลงแล้ว
ยังมีเวลาใคร่ครวญหาทางเยียวย ารักษา สามารถใช้สติปัญญาอย่ างเต็มที่ ไม่ถูกรบกวนด้วยอารมณ์ต่าง ๆ
ผิดกับคนที่ไม่ยอมรับความจริง จะมัวแต่ ตี โ พ ย ตี พ า ย คร่ำครวญ วิ ต ก กังวล จนไม่เป็นอันทำอะไร สิ่งที่ควรทำจึงไม่ได้ทำ ปัญหาที่ควรแก้จึงไม่ได้แก้
ลองถามตัวเองว่าแต่ละวันเราเสียเวลาและพลังงานไปกับการคร่ำครวญหรือ วิ ต ก กังวลมากมายเพียงใด บางเรื่องเกิดขึ้นนานแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้
ป่ ว ยการที่จะนึกถึง ขณะที่บางเรื่องก็ยังไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ แต่เรากลับ ตี โ พ ย ตี พ า ย ไปล่วงหน้าแล้ว
แม้แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ก็เถอะ ลองตั้งสติและมองให้รอบด้านอาจพบว่ามันไม่ใช่เรื่องเ ล ว ร้ า ยหนักหนาเลย
เป็นแต่ไม่ตรงกับความคาดหวังของเราเท่านั้น
ลองปล่อยวางความคาดหวังนั้น ก็จะพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เหลือบ่ากว่าแรง
อีกทั้งอาจมีแง่ดีบางอย่ างที่ไม่เคยนึกมาก่อนก็ได้ ที่สำคัญก็คือ อย่ ามัวจดจ่อปักใจอยู่กับสิ่งแย่ ๆ
ที่เกิดขึ้น จนลืมว่าชีวิตนี้ยังมีสิ่งดี ๆ อีกมากมายที่รอการชื่นชมจากเรา
ความทุกข์บางอย่ างเราหนีไม่พ้นก็จริง แต่หากเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้เป็น ใจก็ไม่เป็นทุกข์อีกต่อไป
ที่มา : นิตยสาร Secret